ค้นหา
CTRL+Kค้นหา
CTRL+Kค้นหา
CTRL+Kค้นหา
CTRL+K
หลายคนอาจเคยได้ยินประโยคทำนองว่า “ทำงานแบบขายวิญญาณ” หรือ “เขาคงขายวิญญาณให้ซาตานไปแล้ว” แต่รู้หรือไม่ว่า ข่าวลือเกี่ยวกับคนดังระดับโลกเกี่ยวกับการขายวิญญาณให้ซาตานเพื่อแลกกับชื่อเสียงและเงินทองมหาศาลนั้นเคยมีอยู่จริง ๆ และผู้คนส่วนใหญ่ก็เชื่อเสียด้วย
มาดูกันดีกว่าว่า ขายวิญญาณให้ซาตาน คืออะไร และคนมีชื่อเสียงระดับโลกคนไหนบ้างที่มีข่าวลือว่าขายวิญญาณให้ซาตาน !?
“ซาตาน” หรือ “มาร” มาร เป็นเทวดาใจบาปที่คอยขัดขวางการทำดี และเป็นบุคลาธิษฐานของความชั่วร้าย ในศาสนาอับราฮัมถือว่ามารคือซาตาน โดยเฉพาะศาสนาคริสต์ถือว่ามารเป็นบุคคลแรก ๆ ที่เป็นปฏิปักข์กับพระเป็นเจ้า เป็นบุคคลที่มีการตีความหลากหลายตามบริบททางศาสนาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน อย่างในเทววิทยาจูเดโอ-คริสเตียน ซาตานเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่าเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติที่มุ่งร้ายซึ่งเกี่ยวข้องกับความชั่วร้าย การล่อลวง และการกบฏต่อพระเจ้า
ในศาสนาคริสต์ ซาตานมักถูกมองว่าเป็นทูตตกสวรรค์เนื่องจากเขากบฏต่อพระเจ้า และถูกขับออกจากสวรรค์พร้อมกับทูตสวรรค์ที่กบฏอื่น ๆ เพราะเหตุนี้ ซาตานจึงกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของพระเจ้าและมนุษยชาติ เขามักถูกเรียกว่าปีศาจหรือลูซิเฟอร์ ซาตานถูกพรรณนาว่าเป็นผู้ล่อลวงที่พยายามชักนำมนุษย์ให้หลงไปจากพระประสงค์ของพระเจ้าและยุยงให้พวกเขาทำบาป
ตามประเพณีอิสลาม ซาตาน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อิบลิส” มีบทบาทคล้าย ๆ กันกับกลุ่มกบฏที่ปฏิเสธที่จะยอมคำนับอาดัม (มนุษย์คนแรก) และต่อมาก็ได้ถูกขับออกจากสวรรค์ อิบลิสถือเป็นหัวหน้าของญิน ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่สร้างขึ้นจากไฟไร้ควันเขาล่อลวงมนุษย์ให้ออกจากเส้นทางแห่งความชอบธรรม ตลอดประวัติศาสตร์และในวัฒนธรรมต่าง ๆ มีการแสดงภาพซาตานในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่เทพผู้ชั่วร้ายไปจนถึงการแสดงสัญลักษณ์แห่งความชั่วร้ายของมนุษย์และการทุจริตทางศีลธรรม ในวรรณคดี ศิลปะ และวัฒนธรรมสมัยนิยม ซาตานมักเป็นที่พูดถึงในทางลบอย่างการล่อลวง การหลอกลวง และการต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่ว
เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงจุดที่สิ้นหวัง ไร้ทางออกของปัญหา บางคนอาจหันหน้าเข้าหาปัญหาด้วยวิธีที่หลายคนคุ้นเคย เช่น หันหน้าเข้าหาพระเจ้า เข้าวัด เข้าโบสถ์ ทำบุญ สวดมนต์ ทำจิตใจให้สงบ บางคนอาจหันหน้าเข้าหาสิ่งที่เป็นขั้วตรงข้ามกับพระเจ้า หันหน้าเข้าหาสิ่งที่เรียกว่า “ซาตาน” เพราะเชื่อว่าซาตานสามารถตอบรับคำขอของพวกเขาได้ “ไว” และ “ชัดเจน” กว่าเหล่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทพเจ้า
ความเชื่อนี้ไม่ได้มาเพิ่งมี แต่มีมานานตั้งแต่สมัยยุคกลางแล้ว ในช่วงยุคกลาง ความเชื่อเกี่ยวกับการขายวิญญาณให้กับซาตานได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเทววิทยาคริสเตียนและโลกทัศน์ที่แพร่หลายในสมัยนั้น แนวคิดในการทำสนธิสัญญากับปีศาจเป็นประเด็นหลักในศาสนาคริสต์และคติชนวิทยายุคกลาง ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับบาป สิ่งล่อใจ และการต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่ว
หากใครนึกภาพไม่ออก สามารถดู Thor Love and Thunder ก็ได้ ฉากที่กอร์ไล่อ้อนวอนขอต่อเทพเจ้าแล้วไม่เป็นผล จนเขาต้องหันหน้าเข้าหาความเป็นอธรรม และไล่ฆ่าล้างบางเหล่าเทพเจ้าที่ไม่เคยไยดีต่อคำอ้อนวอนของเขาแทน…
ผู้ที่มีความตั้งใจจะขายวิญญาณให้ซาตาน มักมีความปราถนาอันแรงกล้าจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกว่าไม่สามารถไขว้คว้ามันมาได้ด้วยความสามารถของตัวเอง รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถช่วยเขาได้ ความปรารถนาเหล่านี้อาจมีตั้งแต่ชื่อเสียง ความมั่งคั่ง อำนาจ หรือการบรรลุเป้าหมายเฉพาะเจาะจง เมื่อมนุษย์สิ้นหวังอย่างถึงที่สุด ก็จำเป็นต้องพึ่ง “ซาตาน”
ตามหลัก ในนิทานพื้นบ้านหรือในวรรณคดี บุคคลที่สิ้นหวัง หรือ ทะเยอะทะยานสูง มากจะติดต่อกับสิ่งเหนือธรรมชาติที่มาในรูปแบบซาตานหรือปีศาจ ผ่านพิธีกรรม คาถา หรือการปฏิบัติทางไสยศาสตร์อื่นๆ การติดต่อนี้อาจเกี่ยวข้องกับการอัญเชิญพิธีกรรม การเรียกพลังแห่งความมืด หรือการถวายเครื่องบูชาเพื่อแลกกับข้อตกลง
เมื่อการติดต่อเกิดขึ้นแล้ว บุคคลนั้นจะเจรจาเงื่อนไขของสนธิสัญญากับสิ่งเหนือธรรมชาติ การเจรจานี้มักเกี่ยวข้องกับการระบุผลลัพธ์หรือผลประโยชน์ที่ต้องการเพื่อแลกกับวิญญาณของแต่ละบุคคล โดยเงื่อนไขของข้อตกลงอาจรวมถึงการบรรลุความสำเร็จในด้านใดด้านหนึ่ง หรือการได้รับความสามารถเหนือธรรมชาติ หรือการบรรลุความปรารถนาเฉพาะเจาะจง เช่น ต้องการเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกและจะต้องถูกชาวโลกขนานนามตลอดไป, ต้องการทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาลแค่ไหน ฯ
เมื่อบรรลุข้อตกลง บุคคลนั้นจะแลกเปลี่ยนวิญญาณของตนอย่างเป็นทางการเพื่อผลประโยชน์ที่สัญญาไว้ การแลกเปลี่ยนนี้มักแสดงเป็นสัญลักษณ์ เช่น การลงนามในสัญญาด้วยเลือด หรือการประกอบพิธีกรรม อย่างไรก็ตาม ในวรรณคดีและนิทานพื้นบ้าน การทำสัญญากับซาตานมักจะมาพร้อมกับผลลัพธ์ที่เลวร้าย เช่น การผิดศีลธรรม การสาปแช่งทางจิตวิญญาณ หรือการสูญเสียความเป็นมนุษย์
หลังจากทำสัญญาแล้ว บุคคลนั้นอาจประสบกับความสำเร็จชั่วคราวหรือบรรลุความปรารถนาของตนได้ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จนี้มักจะเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ และผลที่ตามมาของข้อตกลงก็ตามมาเอาคืนพวกเขาอย่างรวดเร็วและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในหลายเรื่องราว ในที่สุดแต่ละคนก็ต้องเผชิญกับผลกรรมจากการขายวิญญาณให้ซาตาน ซึ่งนำไปสู่การพังทลายของชีวิตหรือถูกสาปแช่งชั่วนิรันดร์
สิ่งสำคัญคือต้องรับรู้ว่าแนวคิดในการขายจิตวิญญาณให้กับซาตานนั้นเป็นการปฏิบัติสัญลักษณ์ล้วนๆ และทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจเกี่ยวกับอันตรายของความโลภ ความทะเยอทะยาน และทางศีลธรรม ในความเป็นจริง การทำสัญญากับมารหรือสิ่งเหนือธรรมชาตินั้นเป็นไปไม่ได้ และบุคคลก็ไม่สามารถแลกเปลี่ยนจิตวิญญาณของตนเพื่อผลประโยชน์ทางโลกได้ ความการขายวิญญาณให้ซาตานกลับกลายเป็นคำเปรียบเทียบที่ทรงพลังสำหรับการเลือกในสิ่งที่เราทำและผลลัพธ์ที่จะตามมา
โรเบิร์ต จอห์นสัน นักดนตรีบลูส์ในตำนาน โรเบิร์ต จอห์นสัน อาจเป็นหนึ่งในบุคคลที่โด่งดังที่สุดที่เกี่ยวข้องกับตำนานการขายวิญญาณให้กับซาตาน ตามตำนาน จอห์นสันอ้างว่าได้พบกับปีศาจตอนชีวิตมาถึงทางแยก และแลกจิตวิญญาณของเขากับพรสวรรค์ทางดนตรีที่ไม่มีใครเทียบได้
ว่ากันว่านิโคลาส เฟลมเมล นักเล่นแร่แปรธาตุในยุคกลางได้ค้นพบศิลาอาถรรพ์ ซึ่งเป็นสารในตำนานที่สามารถเปลี่ยนโลหะพื้นฐานให้เป็นทองคำและให้ความเป็นอมตะได้ ตำนานเล่าว่าเฟลมเมลได้รับพลังพิเศษผ่านข้อตกลงกับซาตาน
อลีสเตอร์ โครลีย์หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Great Beast 666” เป็นนักไสยเวทย์ที่เป็นที่ถกเถียงผู้ก่อตั้งปรัชญาทางศาสนาของ เธลีมา ตลอดชีวิตของเขา มีข่าวลือว่าเขามีส่วนร่วมในพิธีกรรมอันมืดมนและการปฏิบัติตัวอันลึกลับ ซึ่งทำให้หลายคนคาดเดาเกี่ยวกับสนธิสัญญาที่เขาน่าจะทำไว้กับซาตาน
สมเด็จพระสันตะปาปาซิลเวสเตอร์ที่ 2 หรือที่รู้จักในชื่อเกอร์เบิร์ตแห่งโอริลแลค เป็นนักปฏิรูปและนักปฏิรูปคริสตจักรที่ดำรงตำแหน่งพระสันตปาปาตั้งแต่ปี 999 ถึง 1003 ตามตำนานเล่าว่า ซิลเวสเตอร์ที่ 2 ฝึกฝนเวทมนตร์รูปแบบต้องห้ามและทำข้อตกลงกับซาตานเพื่อให้บรรลุความปราถนา และเขาจะได้รับความด้านไสยศาสตร์
กิลส์ เดอ เรยส์ ขุนนางชาวฝรั่งเศสและผู้นำทางทหาร เขามีชื่อเสียงในด้านไสยศาสตร์ คาถา และบาป เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฆาตกรรมเด็กจำนวนมากในพิธีกรรมอันน่าสยดสยอง ซึ่งก่อให้เกิดการคาดเดาเกี่ยวกับสนธิสัญญาของเขากับซาตาน
แอร์เฌแบ็ต บาโตรี หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Blood Countess” เธอเป็นขุนนางหญิงชาวฮังการีที่ถูกกล่าวหาว่าทรมานและสังหารหญิงสาวหลายร้อยคน ตำนานเล่าว่าเธอได้ทำสัญญากับปีศาจเพื่อรักษาความเยาว์วัยและความงามของเธอด้วยการอาบเลือดของหญิงพรหมจารี และให้สังเกตที่มุมปากขวาของเธอให้ดี จะมีรอยเลือดจาง ๆ อยู่ !
กริกอรี รัสปูติน ผู้ลึกลับและคนสนิทของราชวงศ์รัสเซีย มีข่าวลือว่ามีอำนาจเหนือธรรมชาติและมีอิทธิพลเหนือพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และอเล็กซานดราพระมเหสีของพระองค์ หลายคนเชื่อว่าความสามารถของรัสปูตินเป็นผลมาจากข้อตกลงกับพลังมืด
ชาร์ล แมนสัน ผู้น่าอับอายในการเตรียมการฆาตกรรมที่มีชื่อว่า Tate-LaBianca ในปี 1969 เขาเป็นผู้นำลัทธิที่มีเสน่ห์และเชื่อในสงครามเชื้อชาติที่ล่มสลายที่กำลังจะเกิดขึ้น บางคนคาดเดาว่าเขาทำข้อตกลงกับซาตานเพื่อบรรลุเป้าหมายและชักจูงผู้ติดตามของเขาให้หลงผิดไปด้วยกัน
มาร์กี เดอ ซาด เป็นขุนนางและนักเขียนชาวฝรั่งเศสที่รู้จักกันดีในเรื่องวิถีชีวิตที่เสรีนิยมและข้อห้ามทางเพศ ผลงานของเขาซึ่งมักแสดงถึงการกระทำรุนแรง หรือ ความเลวทรามขั้นรุนแรง ทำให้บางคนคาดเดาเกี่ยวกับสนธิสัญญาที่เขาทำกับซาตาน
มาริลีน แมนสัน นักร้องร็อคผู้มีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งและเรื่องลึกลับมายาวนาน ด้วยภาพกระตุ้นอารมณ์และเนื้อเพลงที่ดูหมิ่นของเขา เขาได้ทำให้ฝูงชนเกิดการคาดเดาเกี่ยวกับสนธิสัญญาที่เขาน่าจะทำกับซาตานเพื่อแลกเปลี่ยนกับชื่อเสียงและความอื้อฉาว
การขายวิญญาณให้กับซาตาน เป็นเพียงแนวคิดสมมติเชิงสัญลักษณ์ที่ได้แนวคิดมาจากนิทานพื้นบ้าน วรรณกรรม และเทพนิยายจากฝั่งต่างประเทศ (ไม่ใช่เอเชียแบบเรา ๆ ) และไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเกิดขึ้นจริงหรือจับต้องได้ในโลกทางกายภาพ แนวคิดในการขายจิตวิญญาณให้ซาตาน โดยพื้นฐานแล้วเป็นแนวคิดสมมติเชิงสัญลักษณ์ในการต่อรองกับซาตานเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนหรือเสียสละสิ่งใดสิ่งหนึ่งในชีวิตของตนเพื่อผลประโยชน์
อันที่จริง ต้องบอกว่า ผู้ที่ถูกมองว่าขายวิญญาณให้ซาตานนั้น หากเราสังเกตจุดที่พวกเขามีเหมือนกัน จะพบว่าพวกเขาล้วนทุ่มเทในการทำงานแบบมากจนเกินพอดี (ยกเว้นในรายที่เป็นฆาตกรนะ อันนี้แย่) ไม่กิน ไม่นอน มุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด และในบางรายก็เสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากการทำงานหรือการใช้ยาเกินขนาด ซึ่ง ถ้าหากถามว่าในแง่ของการทำงาน ความทุ่มเทและการโฟกัสถือเป็นเรื่องดีไหม ? ก็ตอบได้ว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่… คุณก็ต้องคำนึงถึงความพอดีในชีวิตในแง่มุมอื่น ๆ เช่น สุขภาพ และการพักผ่อนด้วย
อนึ่ง เราไม่ได้ต้องการมาตัดสินว่าใครตัดสินใจผิดหรือถูก เพราะเราไม่ได้ไปใช้ชีวิตกับเขา เราไม่สามารถบอกได้ว่าเขาควรทำแบบนั้นแบบนี้ เนื่องจากเวลาเขาลำบาก เราก็ไม่ได้ไปลำบากกับเขาด้วย เราเพียงแค่แสดงความห่วงใยในฐานะเพื่อนมนุษย์ที่เกิดมาร่วมโลกกันคนหนึ่งเท่านั้น
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าใครจะตัดสินใจอย่างไร ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราต้องให้ความเคารพในการกระทำของพวกเขานั่นเอง…
ว่ากันว่า ซาตานเมื่อได้แล้วจะไม่หยุดแค่ในข้อตกลง เขาจะเอาจากเราเรื่อย ๆ จนกว่าเราจะสูญสิ้นความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะทางจิต หรือทางวิญญาณก็ตาม…
รู้แบบนี้แล้ว ถ้าเป็นคุณล่ะ จะยอมเสี่ยงหรือไม่ ?
